ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเสน่หาของคาสิโน หรือเป็นนักพนันตัวยงที่กำลังมองหากลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ บทความนี้มีคำตอบให้คุณ เรากำลังจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ “ระบบ Martingale” หนึ่งในวิธีการเดิมพันที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
เราจะไขความลับของระบบ Martingale ตั้งแต่ต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 18 ไล่เรียงมาจนถึงเหตุผลที่ทำให้ระบบนี้ครองใจเหล่านักพนันทั่วโลก เราจะพาคุณไปพิสูจน์ความเชื่อที่ว่า ระบบ Martingale เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ “ใช้ได้ผลที่สุด” จริงหรือ? รวมถึงจะชี้ให้เห็นถึงข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
ระบบ Martingale ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเดิมพันที่มีชื่อเสียงมากที่สุด มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยนักคณิตศาสตร์ท่านหนึ่งชื่อ Paul Pierre Levy ได้เป็นผู้เผยแพร่ระบบนี้ออกสู่วงการ และนับแต่นั้นประวัติศาสตร์ของวงการเดิมพันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เหตุผลที่ระบบ Martingale ได้รับความนิยมสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นระบบที่เข้าใจง่าย อธิบายได้ไม่ยาก และนำไปใช้ก็สะดวก หลักการคือการเพิ่มยอดเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่แพ้ แล้วเดิมพันด้วยยอดนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถเอาชนะได้สำเร็จ ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว เมื่อชนะได้ก็จะสามารถทำให้ได้กำไรกลับมาคุ้มกับยอดที่เสียไปก่อนหน้านี้ จากนั้นก็เริ่มต้นด้วยยอดเดิมพันเริ่มต้นอีกครั้ง วนเวียนไปเช่นนี้ โดยจะเพิ่มยอดเดิมพันก็ต่อเมื่อแพ้เท่านั้น
เพื่อให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของระบบ Martingale เราต้องย้อนกลับไปดูที่จุดกำเนิดของมัน นั่นคือทฤษฎีความน่าจะเป็นและการเดิมพันที่มีโอกาสชนะเท่า ๆ กัน (Even Money Bets)
กล่าวอย่างเจาะจงคือ ระบบ Martingale ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับการเดิมพันที่มีโอกาสชนะ 50% เช่น การทายผลแดงดำในรูเล็ต ด้วยแนวคิดที่ว่า ถ้าเราเดิมพันสีเดิมไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งเราก็จะต้องชนะและได้เงินคืนมาครบ หากเราลองนึกภาพการโยนเหรียญ ถ้าเราทายหัวไปเรื่อย ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่เหรียญจะออกก้อยตลอดไป ดังนั้นเมื่อเราชนะ เราจะได้เงินเดิมพันคืน บวกกำไรที่มากพอจะครอบคลุมยอดที่เราเสียไปก่อนหน้านี้
Martingale จึงมีเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ
ในทางทฤษฎี ระบบนี้ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าไม่มีทางแพ้ แต่เมื่อนำมาใช้ในสถานการณ์จริง กลับมีตัวแปรและความเสี่ยงที่เราต้องคำนึงถึง
หัวใจสำคัญของระบบอยู่ที่การเพิ่มยอดเงินเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่แพ้ ซึ่งทำให้มียอดเงินพอที่จะครอบคลุมการสูญเสียที่ผ่านมาได้เมื่อชนะ แต่วิธีนี้กลับแฝงความเสี่ยงเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากโชคไม่เข้าข้าง เกิดแพ้ติดต่อกันหลายตา ยอดเดิมพันก็จะทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจสูงเกินกว่าที่เราจะรับไหว และอาจเป็นปัญหาเมื่อเทียบกับวงเงินในบัญชีหรือยอดเดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนด
นี่คือสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทฤษฎีอันสวยหรูของระบบ Martingale ความเสี่ยงที่เราต้องชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนตัดสินใจนำมันไปใช้ เพราะการพนันไม่มีสูตรสำเร็จใด ๆ การันตีชัยชนะได้เสมอไป มีเพียงการวางแผนที่ดี การควบคุมตนเอง และรู้จักเล่นอย่างมีสติเท่านั้นที่จะช่วยเราได้
ทฤษฎีนี้ดูเป็นไปได้ในกระดาษ แต่การลองนำไปปฏิบัติจริงจะเป็นอย่างไร เรามาหาคำตอบกัน
ลองมาดูตัวอย่างง่าย ๆ กันดีกว่าว่าระบบ Martingale ทำงานอย่างไร สมมติเราเริ่มต้นด้วยยอดเดิมพัน 300 บาท ถ้าเราแพ้ ครั้งถัดไปเราจะเพิ่มเป็น 600 บาท ซึ่งเป็นสองเท่าของยอดครั้งแรก แล้วถ้าเกิดแพ้อีก ครั้งถัดไปก็จะเดิมพันที่ 1,200 บาท ซึ่งเป็นสองเท่าของ 600 ในรอบที่แล้ว
เราจะทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถชนะได้ ตามทฤษฎีแล้วเมื่อเราชนะ เราจะได้ยอดเงินเริ่มต้น 300 บาทของเรากลับคืนมา แล้วเมื่อชนะแล้ว เราก็จะเริ่มกระบวนการทั้งหมดนี้ใหม่อีกครั้ง โดยกลับไปเริ่มต้นเดิมพันที่ยอด 300 บาท แล้วค่อย ๆ เพิ่มยอดเดิมพันเป็นสองเท่าเมื่อแพ้ ไปเรื่อย ๆ เป็นวงจรแบบนี้
แม้หลายคนอาจมองว่าระบบ Martingale นี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเดิมพันที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ระบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กันไป มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ข้อดีของระบบ Martingale
ข้อเสียของระบบ Martingale
จากการพิจารณาข้อดีข้อเสียเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องไตร่ตรองให้ดี แล้วลองทดลองใช้ระบบ Martingale ด้วยยอดเงินเล็ก ๆ ก่อนว่าเหมาะกับตัวเราเองแค่ไหน
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าการพนันมักมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นอย่าลืมกำหนดวงเงินที่พอเสียได้สำหรับตัวเอง และอย่าเดิมพันเกินกว่านั้น ใช้สติและการควบคุมตัวเองให้ดี รู้จักหยุดเมื่อถึงเวลาอันควร เพราะเงินทุนที่เรามีไว้สำหรับเดิมพันนั้นมีจำกัด ขณะที่คาสิโนไม่เคยหมดทุนอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากระบบ Martingale แบบมาตรฐานที่เราได้อธิบายไปแล้ว ยังมีตัวแปรของระบบนี้อีกหลายรูปแบบที่น่าสนใจ โดยเฉพาะระบบ Reverse Martingale และ Grand Martingale มาทำความรู้จักกันสักเล็กน้อย
ระบบ Reverse Martingale
ระบบ Reverse Martingale หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ระบบ Paroli” มีหลักการตรงข้ามกับระบบ Martingale แบบปกติ คือแทนที่จะเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าเมื่อแพ้ ระบบนี้จะคงยอดเงินเดิมพันเท่าเดิมไว้ แต่จะเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อชนะ ด้วยเหตุนี้ระบบ Reverse Martingale จึงถือเป็น “ระบบก้าวหน้าเชิงบวก”
บางคนมองว่าระบบ Reverse Martingale เป็นกลยุทธ์การเดิมพันที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเมื่อเราแพ้ เราก็แค่เริ่มต้นใหม่ด้วยยอดเงินเดิมพันต่ำสุด ความเสี่ยงจึงถูกจำกัดอยู่ในวงเงินที่พอควบคุมได้
ระบบ Grand Martingale
อีกหนึ่งตัวแปรที่น่าสนใจคือระบบ Grand Martingale ระบบนี้จะให้เราเดิมพันด้วยยอดเท่าเดิมไปก่อนเรื่อย ๆจนกว่าจะแพ้ เมื่อแพ้ให้เพิ่มยอดเงินเดิมพันเป็นสองเท่าและบวกเพิ่มอีก 1 หน่วย จากนั้นถ้าแพ้อีกก็ให้ทำตามเดิม คือเพิ่มเป็นสองเท่าแล้วบวกอีก 1 หน่วย วนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะได้สำเร็จ
หลังจากที่เราได้เห็นภาพโดยรวมของระบบ Martingale และตัวแปรต่าง ๆ มาบ้างแล้ว คำถามต่อมาคือระบบนี้จะเหมาะสมกับใคร ใครควรนำไปใช้บ้าง
ต้องบอกว่าระบบ Martingale เป็นดาบสองคม เพราะถึงแม้จะใช้ง่าย แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงสูง จึงไม่เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการคาสิโน หรือนักพนันที่มีทุนจำกัด
ระบบนี้เหมาะสำหรับเหล่านักพนันที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องการจัดการเงินทุน สามารถรับมือกับความผันผวน และพร้อมที่จะแบกรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ การมีวินัยและสติในการเล่นก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะใช้ระบบ Martingale
ด้วยธรรมชาติของระบบที่ต้องเพิ่มเงินเดิมพันอย่างรวดเร็วเมื่อแพ้ นักพนันจึงต้องมีทุนสำรองที่มากพอ และต้องกำหนดขีดจำกัดของตัวเองให้ชัดเจนว่าจะยอมเสียเท่าไหร่ในแต่ละรอบ เพื่อไม่ให้หลุดลอยไปกับกลยุทธ์จนหมดตัว
อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญคือ ระบบนี้เหมาะกับการเดิมพันในช่วงสั้น ๆ ไม่ใช่การนั่งเล่นทั้งวัน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า โอกาสที่จะเจอช่วงขาลงก็มีมากขึ้น และนั่นอาจทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความหายนะเริ่มงอกงาม
นอกเหนือจากการเลือกใช้ระบบ Martingale กับรูเล็ตแล้ว เรายังสามารถปรับใช้ระบบนี้กับเกมอื่น ๆ อย่างบาคาร่า, แบล็คแจ็ค หรือแม้แต่แคร็ปส์ได้ โดยหลักการพื้นฐานจะยังเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะเลือกเล่นเกมไหน ไม่ว่าเราจะใช้ระบบอะไร เราต้องไม่ลืมว่าชะตากรรมของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบ Martingale หรือระบบอื่นใด แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองต่างหาก ขึ้นอยู่กับวินัย สติ และการจัดการที่ดี รู้จักเล่นให้พอดี เพื่อให้การพนันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งชีวิตของเรา
ระบบ Martingale เป็นกลยุทธ์ที่เอนกประสงค์ เราสามารถนำไปปรับใช้กับเกมคาสิโนได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่มีรูปแบบการเดิมพันแบบ 50-50 เช่นการทายสีแดงหรือดำในรูเล็ต, การเดิมพันไพ่ Player หรือ Banker ในบาคาร่า รวมไปถึงเกมอื่น ๆ เช่น แบล็คแจ็ค และแคร็ปส์
แต่เกมที่นิยมนำระบบ Martingale ไปใช้กันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการเดิมพันสีแดง-ดำในรูเล็ต ด้วยโอกาสชนะ-แพ้ที่ค่อนข้างสูสี ทำให้หลายคนรู้สึกว่าระบบนี้เหมาะเจาะกับรูเล็ตเป็นพิเศษ
การศึกษาวิธีการทำงานของระบบ Martingale จึงน่าจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่า ระบบนี้เหมาะสมกับเรามากน้อยแค่ไหน แล้วเราจะนำไปใช้กับเกมคาสิโนประเภทใดจึงจะได้ผลดีที่สุด อย่างไรก็ดี อย่าลืมไตร่ตรองถึงข้อเสียและข้อจำกัดที่มีด้วย เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นของเราให้ได้มากที่สุด
ในทางปฏิบัติ ระบบ Martingale ก็มีโอกาสที่จะช่วยให้เราได้เงินเดิมพันที่เสียไปกลับคืนมาได้จริงๆ แต่ต้องยอมรับว่าระบบนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย
ความเสี่ยงที่ว่าก็คือ เราอาจเจอช่วงที่แพ้ติดต่อกันหลายตา ซึ่งจะทำให้ยอดเงินเดิมพันที่เราต้องลงแต่ละครั้งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราทบต้นแบบทวีคูณ บางครั้งอาจทำให้เงินทุนของเราหมดลงได้ภายในไม่กี่ตา
ข้อจำกัดของโต๊ะพนันก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพราะแต่ละโต๊ะมักมีการกำหนดเพดานของยอดเงินเดิมพันสูงสุดไว้ เราอาจไม่สามารถวางเดิมพันตามยอดที่ระบบกำหนดได้เสมอไป นอกจากนี้ ยอดเงินคงเหลือในบัญชีของเราเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดสำคัญ
และที่สำคัญที่สุด เราต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่เรียกว่าโชคหรือดวงนั้น ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการเล่นพนันทุกรูปแบบ ไม่มีระบบใดในโลกที่การันตีชัยชนะได้แม้แต่ระบบเดียว Martingale ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น