พอรู้กันว่าทุกเกมพนันมีค่า House Edge คอยสร้างความได้เปรียบให้กับคาสิโน มีหรือนักเดิมพันจะยอม ต่างต้องงัดเอาประสบการณ์มาพัฒนาเป็นสูตรเล่นเพื่อเพิ่มโอกาสชนะและโอกาสทำกำไรให้กับตัวเอง ซึ่งก็มีอยู่มากมายหลายสูตรให้เลือกใช้กัน ตั้งแต่เสี่ยงน้อย เสี่ยงมาก ใช้ยาก ใช้ง่าย ไปจนถึงถอนทุนที่เสียไปพร้อมกับทำกำไรย้อนหลังก็มีมาแล้ว ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับสูตรคาสิโนที่เรียกได้ว่าเป็น 4 สูตรอมตะตลอดกาล ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับเกมพนันแทบทุกอย่างในคาสิโน ว่าแต่มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ถ้าพูดถึงสูตรนี้เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักหรือเคยได้ยินกันอย่างแน่นอน เพราะว่าสูตรนี้มีหลักการง่าย ๆ คือเพิ่มเงินเดิมพันเข้าไป 1 เท่าของตาที่ผ่านมา แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าสูตรนี้มีแค่เอาไว้ใช้ทวงเงินที่เสียไปกลับคืนมาเท่านั้น ที่จริงแล้วมาร์ติงเกลถูกแยกย่อยออกเป็น 3 สูตรด้วยกัน โดยแต่ละสูตรจะมีวิธีใช้และวัตถุประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันดังนี้
Martingale เป็นสูตรแทงทบที่คุ้นเคยกันดี วิธีใช้คือทบเดิมพันเข้าไป 1 เท่าของตาที่เสีย เช่น เสีย 10 บาท ตาต่อไปแทง 20 บาท ถ้าเสียอีกก็แทง 40 บาท จนกว่าจะชนะ แต่ต้องทบไม่เกิน 5 ตา ผลลัพธ์ที่ได้เวลาชนะก็คือเงินทุนที่เสียไปทั้งหมดจะได้กลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 ตา
Super Martingale เป็นสูตรแทงทบที่พัฒนามาจาก Martingale แต่มีความโหดกว่าตรงที่มันสามารถดึงทุนพร้อมกับกำไรที่เสียไปทุกตากลับคืนได้หมดภายในการชนะเพียงครั้งเดียว โดยการใช้จะเหมือนกับ Martingale เพียงแต่การทบเดิมพันจะต้องบวกเข้าไปอีก 1 ไม้ เช่น เราเล่นไม้ละ 10 บาท แทงเสียตาแรก ตาต่อไปต้องทบ 30 (20+10) ถ้าเสียอีกก็ต้องทบตาต่อไป 70 (60+10) เป็นต้น ทำให้สูตรนี้ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้เพราะต้องมีทุนเยอะ และโอกาสที่จะทบจนชนเพดานโต๊ะมีสูงกว่า
Winning Martingale สูตรนี้จะทบเหมือนกัน แต่ว่าวิธีการจะตรงข้ามกับสองสูตรข้างต้น คือเราจะทบเฉพาะเวลาที่ชนะเท่านั้น โดยเอากำไรที่เล่นได้จากตาก่อนหน้ามาทบ ทำให้เวลาเสียก็เสียแค่ทุนตัวเอง 1 ไม้ กับกำไรที่ได้มาทั้งหมด ถือเป็นสูตรที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถทำกำไรได้สูง
สูตรนี้จะมีความซับซ้อนสักเล็กน้อย แต่มีข้อดีคือเล่นรอบน้อยกว่า และมีโอกาสทำกำไรมากกว่า ด้วยหลักการที่ว่าเล่น 4 ตา ขอแค่ชนะ 2 ตาแรก ตาที่เหลือต่อให้แพ้ก็ได้กำไร ยกตัวอย่างเช่น
ตาที่ 1 แทง 10 บาท ชนะ ได้ 10 บาท ถ้าแพ้ขาดทุน 10 บาท
ตาที่ 2 แทง 30 บาท (กำไร 10 + ทุน 20) ชนะ ได้ 30 บาท กำไรสะสม 40 บาท ถ้าแพ้ขาดทุน 20 บาท กับกำไรอีก 10 บาท
ตาที่ 3 แทง 20 บาท (ใช้กำไรจาก 2 รอบแรก) ชนะ ได้ 20 บาท กำไรสะสม 60 บาท ถ้าแพ้เหลือกำไร 20 บาท
ตาที่ 4 แทง 40 บาท (ใช้กำไรจาก 3 รอบแรก) ชนะ ได้ 40 บาท กำไรสะสม 100 บาท ถ้าแพ้เหลือกำไร 20 บาท
สูตรเดลองเบฟังแล้วอาจจะดูยาก แต่ความจริงก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย หลักการคิดการใช้สูตรนี้ก็คือ ถ้าแทงผิดหรือแพ้เราจะเพิ่มเดิมพันเข้าไปอีก 1 ไม้ แต่ถ้าแทงถูกจะลดลง 1 ไม้ ยกตัวอย่างเช่น
ตาที่ 1 แทง 10 บาท แพ้ เพิ่มเงินอีก 10 บาท
ตาที่ 2 แทง 20 บาท แพ้ เพิ่มเงินอีก 10 บาท
ตาที่ 3 แทง 30 บาท แพ้ เพิ่มเงินอีก 10 บาท
ตาที่ 4 แทง 40 บาท ชนะ ลดเงินลง 10 บาท
ตาที่ 5 แทง 30 บาท ชนะ ลดเงินลง 10 บาท
ตาที่ 6 แทง 20 บาท แพ้ เพิ่มเงินอีก 10 บาท
ตาที่ 7 แทง 30 บาท ชนะ ลดเงินลง 10 บาท
ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าได้กำไรหรือขาดทุนตามเป้าที่เราตั้งไว้
สูตรนี้จะแตกต่างจาก 3 สูตรแรกตรงที่เป็นสูตรวางเดิมพันโดยอาศัยเค้าไพ่ ส่วน 3 สูตรแรกเป็นสูตรเดินเงิน ทำให้สามารถเอามาใช้ควบคู่กันได้เพื่อเพิ่มโอกาสชนะและทำกำไรไปได้พร้อม ๆ กัน โดยหลักการของสูตรปิงปองจะคล้ายกับการแทงสวนผลของตาก่อนหน้า เพียงแต่จะใช้กับเค้าไพ่ที่ออกผลสลับไปมาฝั่งละ 1 ตา เช่น เจ้ามือ, ผู้เล่น, เจ้ามือ, ผู้เล่น หากเค้าไพ่ออกมาลักษณะนี้ให้เราแทงสวนตาล่าสุดไปได้เลย เช่น ตาสุดท้ายออกเจ้ามือ ตาต่อไปเราแทงผู้เล่น แต่ถ้าตาล่าสุดออกผู้เล่น เราก็แทงเจ้ามือเป็นต้น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 4 สูตรอมตะที่เราเอามาฝากกัน ไม่ได้ยากอย่างที่คิดใช่ไหม แถมยังเอามาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามสูตรเหล่านี้ก็ยังมีข้อจำกัดตรงที่โต๊ะเดิมพันจะมีการจำกัดยอดสูงสุดที่เราสามารถลงเงินไว้ได้ ทำให้ต้องวางแผนการใช้งานให้ดี แต่ถ้าจะให้สบายใจ ใช้งานได้คล่อง ก็ลองไปทดลองเล่นฟรีกันก่อนได้ที่ Juad888 มีเกมคาสิโนมากมายให้ได้ลองเล่น พร้อมกับเครดิตฟรีที่จะช่วยฝึกการใช้สูตรเดินเงินให้คล่องมากกว่าเดิม เพิ่มโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาวกันอีกด้วย